ช่วงนี้ฝนเริ่มตกบ่อย เป็นสัญญานว่าเรากำลังเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ เย็นสบาย แต่ฝนยังพาปัญหาหลาย ๆ อย่างมาด้วย โดยเฉพาะเรื่องของความชื้น ที่อาจทำให้ผนังชื้น เราจึงไม่ควรละเลยการดูแลรักษาบ้านให้คงสภาพที่ดีอยู่เสมอ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ในบทความนี้พี่อิฐจึงจะพาไปดูวิธีป้องกันความชื้นบนผนัง เพื่อเตรียมความพร้อมรับหน้าฝนในปีนี้กันครับ
- สาเหตุของการเกิดความชื้นบนผนัง
- ปัญหาที่เกิดจากความชื้นของผนัง
- วิธีป้องกัน และแก้ไขผนังชื้นในช่วงหน้าฝน
สาเหตุของการเกิดความชื้นบนผนัง
แน่นอนว่าในบทความนี้เราพูดกันถึงเรื่องของหน้าฝน เพราะฉะนั้นน้ำฝนจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผนังชื้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าผนังบ้านของเราจะชื้นเพียงเพราะมีน้ำสาดกระทบ หรือสาดเข้ามาในตัวบ้านเพียงอย่างเดียว แต่การจะเกิดปัญหาผนังชื้นนั้นย่อมมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย นั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า สาเหตุใดบ้างที่จะทำให้บ้านของเราเกิดอาการผนังชื้น
![ผนังชื้นจากรอยร้าว](https://itdang2009.com/wp-content/uploads/2020/05/อิฐเหลือ-01-01.jpg)
1. การแตกร้าวของผนัง
ปัญหารอยแตกร้าวของผนังตรงช่วงวงกบประตู หรือหน้าต่าง อาจทำให้น้ำฝนไหลเข้ามาด้านในตัวบ้าน และดูดซับน้ำไว้ ทำให้เกิดความชื้นในผนังได้
![ท่อน้ำรั่ว](https://itdang2009.com/wp-content/uploads/2020/05/913273-img.rgbqu6_.1p.jpg)
2. ท่อน้ำรั่ว
ท่อน้ำที่เดินไว้ภายในบ้านเกิดการรั่ว มีน้ำซึมอยู่ตลอดเวลา ผนังจึงดูดซับน้ำจากการรั่วซึมของท่อ และทำให้ผนังเกิดความชื้น
![ฝ้าเพดานชื้น](https://itdang2009.com/wp-content/uploads/2020/05/2018-04_506238b11dd6e18.jpg)
3. หลังคา ฝ้าเพดานชำรุด
การชำรุดเสียหายของหลังคาบ้าน หรือฝ้าเพดานเกิดรอยรั่ว ทำให้น้ำจากน้ำฝน หรือละอองน้ำค้างผ่านเข้ามาในตัวบ้าน ก็ทำให้เกิดความชื้นบนผนังได้เช่นกัน
![ผนังพอง](https://itdang2009.com/wp-content/uploads/2020/05/wall_old5.jpg)
4. ผนังพอง สีหลุดลอก
สี หรือน้ำยาเคลือบผนัง ที่ทาไว้ภายนอกเกิดปัญหาหลุดลอก พองตัว เสื่อมสมรรถภาพ เมื่อมีฝนตกลงมา หรือมีสภาพอากาศชื้นจากภายนอก ผนังจึงเกิดความชื้น
![ผนังขึ้นรา](https://itdang2009.com/wp-content/uploads/2020/05/fungus-on-the-wall-wall-2.jpg)
5. ความชื้นจากพื้นดินใต้บ้าน
เนื่องจากเวลาที่ฝนตก น้ำฝนจะซึมลงไปกับดิน โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน หรือบ้านใกล้เคียง จะมีความชื้นในดินมากเป็นพิเศษ และความชื้นนี้มักจะแทรกซึมขึ้นมาในโครงสร้างบ้าน ทำให้เกิดการชื้นของผนัง
ปัญหาที่เกิดจากความชื้นของผนัง
- เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ และทำให้ผนังมีจุดด่างดำ ดูสกปรก ไม่สวยงาม
- นอกจากปัญหาผนังบ้านพองจะทำให้เกิดการสะสมความชื้นในผนังแล้ว ความชื้นในผนังก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผนังพองด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากปัญหาสภาพแวดล้อมโดยรอบ และการสะสมความชื้นในผนัง ซึ่งจะทำให้สีหลุดลอก ผนังบ้านดูไม่สวยงาม
- เกิดตะไคร่น้ำบนผนัง เป็นคราบสีเข้ม ทำให้ผนังสกปรก ไม่น่ามอง
- เกิดกลิ่นเหม็นอับ รบกวนการอยู่อาศัย
- โครงสร้างเหล็กภายใน เช่น เสาเอ็น คานทับหลังอาจเกิดการผุกร่อน เป็นสนิม ซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงของผนัง และตัวบ้าน
วิธีป้องกัน และแก้ไขผนังชื้นในช่วงหน้าฝน
1. ผนังชื้นจากละอองฝนที่สาดเข้ามา
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความเสียหายของวัสดุใด วัสดุหนึ่ง วิธีแก้ไขที่สามารถทำได้ คือ เปิดประตู หน้าต่าง รับลม และแสงแดดเข้ามา เพื่อช่วยระบายอากาศ และความชื้น หรืออาจใช้พัดลม และอุปกรณ์ระบายอากาศอื่น ๆ เป็นตัวช่วย
หรือปูกระเบื้องผนังภายนอก อีกหนึ่งตัวเลือก เพื่อลดการสัมผัสกับละอองฝนโดยตรง แถมยังได้ผนังใหม่ที่เปลี่ยนไปอีกแบบ เพียงน้ำกระเบื้องมากรุลงบนผนัง แล้วทาเคลือบกระเบื้องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำ เท่านี้ก็ได้ผนังใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมแล้วครับ
พี่อิฐขอแนะนำ : กระเบื้องดินเผาแปะผนัง ที่มีให้เลือกหลากหลายขนาด สีสันสวยงาม คุณภาพดี จากการผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อผนังบ้านที่จะอยู่กับคุณไปได้อีกนาน
2. ผนังชื้นจากรอยรั่วของหลังคา และฝ้าเพดาน
ตรวจเช็ครอยแยก รอยต่อ และการชำรุดเสียหายของกระเบื้องหลังคา และผ้าเพดาน ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ ซึ่งจะสังเกตุได้จากรอยคราบน้ำบนฝ้าเพดาน หากพบปัญหาดังกล่าวควรรีบซ่อมแซม แก้ไขให้ตรงจุด เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้เกิดความชื้นในผนัง แต่อาจจะทำให้สิ่งของในบ้านของคุณเสียหายจากน้ำที่รั่วลงมา
3. ผนังชื้นจากรอยแตกร้าว
ทำการซ่อมแซมรอยแตกร้าว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เริ่มจากเช็คว่ารอยแตกร้าวมีขนาดใหญ่แค่ไหน หากไม่ใหญ่มาก พี่อิฐแนะนำให้เลือกวัสดุที่ยืดหยุ่นได้มาใช้ในการอุดรอยร้าว เช่น ซิลิโคน โดยใช้ปืนอัดฉีด ฉีดวัสดุอุดรอยร้าวเข้าไปให้เต็ม ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท แล้วใช้กระดาษทรายขัดตกตกแต่งซิลิโคนส่วนเกิน จากนั้นทาสีทับเพื่อปกปิดรอยการซ่อมแซม ก็เป็นอันเสร็จ
แต่ถ้าหากบริเวรรอยแตกร้าวมีขนาดค่อนข้างกว้าง ต้องทำการสะกัดปูนให้รอยแตกเป็นร่องที่มีความเรียบร้อย ฉาบทับด้วยปูนซีเมนต์พิเศษ ที่ไม่มีความยืดหดตัว ใช้เกรียงปาดปูนให้เรียบเนียนไปกับผนังเดิม รอปูนฉาบแห้ง แล้วทาสีทับเป็นขั้นตอนสุดท้าย
4. ผนังชื้นจากหลุดลอกของสีบนผนัง
หากเป็นผนังภายนอก สามารถซ่อมแซมได้โดยใช้เกรียงขูดลอกสีเดิมออก ขัดล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ทาน้ำยาเคลือบผนัง ฆ่าเชื้อรากันตะไคร่น้ำ และน้ำยากันซึม รอให้แห้งประมาณ 2- 3 ชั่วโมง ก่อนจะทาสีใหม่ทับ
ส่วนผนังภายใน การซ่อมแซมนั้นคล้ายกับผนังภายนอกเลย เพียงแต่หลังจากขูดลอก ทำความสะอาดผนังเดิมเรียบร้อยแล้ว ควรปล่อยให้ผนังคายความชื้นประมาณ 1 วัน จากนั้นทาน้ำยาเคลือบผนัง กันซึม (ปกป้องผนังอิฐ จากเชื้อรา และตะไคร่น้ำ ด้วยน้ำยาเคลือบผนัง) แล้วทาสีใหม่ทับ
5. ผนังชื้นจากน้ำที่อยู่ใต้ดิน
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยการกรีดผนังด้านล่างให้เป็นร่องลึกประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อสะกัดไม่ให้น้ำซึมลอยขึ้นไปตามพื้นผิวได้ง่ายเกินไป หรือสะกัดปูนฉาบให้ผิวขรุขระ เพื่อให้ความชื้นระเหยออกจากผิวตรงส่วนนั้นแทน นอกจากนี้ยังมีวิธีการลดปริมาณน้ำในดินบริเวณใต้พื้นบ้าน ด้วยการติดตั้งรางระบายน้ำใต้ดินอีกด้วย
สรุป
ปัญหาผนังชื้นในหน้าฝน อาจดูเป็นปัญหาที่เล็กน้อย แต่ก็ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด คุณจึงควรเช็คสภาพบ้านของคุณบ่อย ๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อหาจุดเสียหาย จะได้ทำการซ่อมแซมแก้ไขได้ทันก่อนที่ฤดูฝนจะมา เพราะไม่อย่างนั้นปัญหาเล็ก ๆ อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้แบบไม่รู้ตัว
ที่มา : scgbuildingmaterials.com
และ pantip.com