“คอนกรีตมวลเบา” คือ อิฐที่ผลิตขึ้นจากปูนซีเมนต์, ทรายบดละเอียด, ปูนขาว, ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียมที่ทำให้เกิดฟองอากาศภายในส่วนผสมก่อนนำมาขึ้นรูป จนแข็งตัว จึงนำมาตัดแบ่งเป็นก้อน ขนาดตามมาตรฐานเท่ากันทุกก้อน อบด้วยไอน้ำภายใต้ความดันแรงสูง จะได้คอนกรีตที่มีน้ำหนักเบา ดูดซับเสียง และเป็นฉนวนกันความร้อน ได้เป็นอย่างดี

คอนกรีตมวลเบากับคอนกรีตบล็อกแตกต่างกันอย่างไร?
ลักษณะโดยรวมของคอนกรีตมวลเบาคล้ายกับคอนกรีตบล็อก แต่เพิ่มคุณสมบัติให้มีความแข็งแกร่ง ทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นเป็นพิเศษ นิยมนำไปก่อผนัง กำแพง ใช้ได้ทั้งผนังภายใน และภายนอก

คอนกรีตมวลเบามีกี่ประเภท?
เราสามารถแบ่งประเภทของคอนกรีตมวลเบาตามกระบวนการผลิตคอนกรีตมวลเบา ซึ่งคอนกรีตมวลเบาที่ผลิตด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ก็จะส่งผลให้มีคุณสมบัติแตกต่างกันตามไปด้วย โดยกระบวนการผลิตของคอนกรีตมวลเบาจะสามารถแยกได้ 2 กระบวนการหลัก ๆ ดังนี้

1. คอนกรีตมวลเบาที่ไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง
คอนกรีตเบาที่ผลิตจากวัสดุเบากว่ามาทดแทน : ผลิตจากขี้เลื่อย ขี้เถ้า ชานอ้อย หรือเม็ดโฟม ทำให้มีน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่จะมีอายุการใช้งานที่สั้น เสื่อมสภาพเร็ว
คอนกรีตมวลเบาที่ผลิตจากสารเคมี (Circular Lightweight Concrete) : เพื่อให้เนื้ออิฐมี ความฟู และแข็งตัวเร็ว จะมีการหดตัวมากกว่า ทำให้ปูนฉาบแตกร้าวได้ง่าย ไม่ค่อยแข็งแรง
2. คนกรีตมวลเบาที่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันแรงสูง
คอนกรีตมวลเบาที่ผลิตจากปูนขาว : ซึ่งควบคุมคุณภาพได้ยาก มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตทำให้คุณภาพที่ได้มาไม่ค่อยสม่ำเสมอ มีการดูดซึมน้ำมากกว่า
คอนกรีตมวลเบาที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์เป็นส่วนผสมหลักในการผลิต : ซึ่งการนำส่วนผสมนี้มาใช้นอกจากจะช่วยให้ได้มาตรฐานแล้ว ยังช่วยให้เกิดการตกผลึก ในเนื้ออิฐอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน มากกว่าการผลิตด้วยระบบอื่น

คุณสมบัติของคอนกรีตมวลเบา
น้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแกร่ง คงทนต่อสภาพอากาศ
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ไม่ดูดซับความร้อน ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
ทนต่อความร้อน มีลักษณะเป็นฉนวนกันความร้อนจึงติดไฟได้ยาก
ลดเสียงสะท้อน เสียงรบกวนจากภายนอก และเก็บเสียงภายในได้ดีเช่นกัน
ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง มีน้ำหนักเบาทำให้สามารถ ขนย้ายได้สะดวก และรวดเร็ว