เคยสงสัยกันมั้ยว่า อิฐแดงที่ใช้ในการก่อฉาบแบบตัน กับ อิฐแดงแบบมีรู มีความแต่งต่างกันอย่างไร? แล้วต้องเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งาน? วันนี้พี่อิฐมีคำตอบมาให้คุณแล้วครับ
อิฐแดงตัน คือ?
อิฐแดงตันนั้นถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อสร้างวัด ราชวัง การผลิตนั้นทำด้วยมือทีละก้อน แต่ละก้อนอาจมีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งเรียกว่าอิฐแดง หรือ อิฐมอญที่เราคุ้นหูกันดี แต่ด้วยยุคที่เปลี่ยนไป อิฐแดงมีการพัฒนาหลายรูปแบบ เพื่อให้ผลิตได้เร็ว และตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงการผลิตอิฐแดงแบบมีรูกลวง อิฐแดงที่ไม่มีรูจึงถูกเรียกว่า “อิฐแดงตัน” ในเวลาต่อมา
ข้อดีของอิฐแดงตัน คือความแข็งแกร่ง ทนทาน และด้วยความที่มีลักษณะตัน จึงทำให้มีความหนาแน่น รับแรงอัดได้ดี เวลาตอก หรือเจาะผนังก็ไม่เป็นปัญหา เหมาะกับการนำไปก่อผนังที่ต้องรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ แต่ด้วยระยะเวลาการผลิตที่นาน ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงได้มีการผลิต อิฐตันเครื่อง หรือ อิฐตัน มอก.77-2545 ขึ้นซึ่งมีความเร็วในการผลิตมากกว่าอิฐแดงตันแบบดั้งเดิม เพราะผลิตด้วยเครื่องจักร และผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้วว่า มีคุณภาพดี ได้มาตรฐาน สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้างได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ทั้งอิฐแดงตันมือและอิฐแดงตันเครื่อง ยังสามารถนำไปก่อโชว์แนวเหมือนกับอิฐโบราณ หรืออิฐโชว์ได้อีกด้วย
อิฐแดงรู คือ?
อิฐแดงรูพัฒนามาจากอิฐแดงแบบตัน แต่ทำด้านในให้มีรูกลวง ผลิตด้วยเครื่องจักร จึงผลิตได้รวดเร็ว อิฐแดงแบบมีรูที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการผู้รับเหมาและช่างก่อสร้าง คือ อิฐแดง 2 รู แต่ปัจจุบันพัฒนาให้มีรูมากขึ้น ตั้งแต่ อิฐแดง 4 รู ถึง อิฐแดง 8 รู หรือแบบช่อง เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
ข้อดีของอิฐแดงที่มีรูกลวง คือน้ำหนักของตัวอิฐเบากว่าอิฐแบบตัน ช่วยลดการทรุดตัวของโครงสร้าง ไม่ต้องรับน้ำหนักที่มากเกินไป และเพราะว่ามีรูกลวง จึงช่วยในเรื่องการระบายอากาศ ทำให้อากาศถ่ายเท ไม่อมความร้อน เหมาะกับทุกงานก่อสร้าง ยิ่งก่อแบบ 2 ชั้น ยิ่งทำให้บ้านเย็นขึ้น แต่ยังคงความแข็งแกร่ง ทนทาน เหมือนกับอิฐแดงตัน ปัจจุบันอิฐแดงรู เป็นที่นิยมใช้มากกว่า เพราะมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้
การเปรียบเทียบข้อดี ระหว่าง อิฐแดงตัน และ อิฐแดงรู ในที่นี้ขอยก อิฐแดงตันมือ กับ อิฐแดง 2 รู มาเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นภาพกันนะครับ
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง อิฐแดงตัน VS อิฐแดงรู |
||
หัวข้อ | อิฐแดงตัน | อิฐแดง 2 รู |
1. การผลิต | ผลิตด้วยมือ ทีละก่อน เหลี่ยมมุม อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย | ผลิตด้วยเครื่องจักร มีความแม่นยํา |
2. ระยะเวลาในการผลิต | ผลิตได้ช้ากว่าอิฐแดงรู | ผลิตได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน |
3. น้ำหนัก | หนักกว่า เพราะลักษณะต้น มีความหนาแน่น | เบากว่า เพราะมีรูกลวง |
4. ความแข็งแกร่ง และ ค่ารับแรงอัด | แข็งแรง ทนทาน รับแรงอัดได้ดี ค่าเฉลี่ยจากการทดสอบการต้าน แรงอัดต่อ 3 ก้อน อยู่ที่ 6.27 | แข็งแรง ทนทาน รับแรงอัดได้ดี | ค่าเฉลี่ยจากการทดสอบการด้านแรงอัดต่อ 3 ก้อน อยู่ที่ 4,40 |
5. การดูดซึมน้ํา | ดูดซึมน้ำน้อย | การดูดซึมน้ำมากกว่าอิฐแดงต้น |
6. การใช้งาน | เหมาะกับผนังที่ต้องมีการเจาะ ตอก เพื่อแขวนรับน้ําหนัก เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ เก็บเสียงได้ดี | เหมาะกับการก่อผนังทั่วไปที่ ไม่ต้องรับน้ําหนักมาก |
7. การระบายอากาศ | ค่อนข้างอมความร้อน | มีรูช่วยในเรื่องการระบายอากาศ |
คำแนะนำ : ควรนำอิฐทั้งสองแบบแช่ หรือ พรมน้ำก่อนนำไปใช้งานทุกครั้ง เพื่อลดการดูดซึมน้ำจากปูน และอาจจะเกิดปัญหารอยแตกร้าวได้
จากการเปรียบเทียบอิฐแดงตัน และอิฐแดงรู ทั้งสองแบบมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน เพราะฉะนั้นคุณควรเลือกอิฐแบบที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการใช้งานของคุณเป็นหลัก คำนึงจากคุณสมบัติ และข้อดี รวมถึงเวลาในการผลิต เพื่อให้ได้อิฐที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุดนะครับ