รอบรู้เรื่องวิธีปูกระเบื้องดินเผา แปะผนัง

          “กระเบื้องแปะผนัง” หรือ “กระเบื้องดินเผา แปะผนัง” อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบผนังอิฐก่อโชว์แนว ด้วยสี และรูปลักษณ์ที่คล้ายกับอิฐแดง แต่มีผิวสัมผัสที่เรียบเนียนกว่า ทำให้กระเบื้องดินเผาเป็นที่นิมยมนำไปใช้ในการตกแต่งผนังเช่นกัน ซึ่งสามารถตกแต่งได้หลากหลายสไตล์ตามความต้องการ ทั้งสไตล์ลอฟท์ สไตล์อิงลิช สไตล์โมเดิร์น และปูได้ทั้งภายใน และภายนอก ช่วยเสริมลูกเล่น และความสวยงามให้กับผนัง ในบทความนี้พี่อิฐจึงอยากจะแชร์วิธีปูกระเบื้องด้วยตัวเอง พร้อมวิธีการตรวจรับงานปูกระเบื้องจากช่าง ซึ่งจะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกันเลย

 

• ประเภทของวิธีการปูกระเบื้อง
• อุปกรณ์ที่ใช้ในการปูกระเบื้องผนัง
• ขั้นตอนการปูกระเบื้องผนัง
• แพทเทิร์นในการปูกระเบื้องผนัง
• การคำนวณหาพื้นที่การใช้กระเบื้องแปะผนัง
• วิธีการตรวจงานกระเบื้อง

วิธีปูกระเบื้องมีกี่ประเภท?

 

1. วิธีการปูกระเบื้องแบบเปียก

 

 

          วิธีการปูกระเบื้องแบบเปียก หรือเรียกอีกอย่างว่า “ปูนขี้หนู” คือ การนำปูนซีเมนต์ ทราย น้ำ มาผสมกัน แล้วเทราดลงไปเพื่อปรับระดับ โดยต้องขึงเชือกหาแนวดิ่ง และแนวฉากของกระเบื้องในแถวแรกก่อนที่จะปูกระเบื้อง เพื่อควบคุมแนวกระเบื้องให้ระยะของแนวที่ปูสลับเท่ากันโดยตลอดทั้งผนัง หลังจากนั้นจึงกดแผ่นกระเบื้องลงไป ระวังไม่ให้เกิดโพรงอากาศ

 

          และระหว่างที่ทำการปูกระเบื้องอยู่นั้น จะต้องหมั่นซับทำความสะอาดน้ำของปูน เพื่อไม่ให้เกิดคราบสกปรกบนกระเบื้อง ซึ่งวิธีการปูกระเบื้องแบบเปียกนี้นิยมกันอย่างมากในหมู่ช่างก่อสร้าง และมักใช้กับงานปูกระเบื้องพื้นมากกว่าผนัง เพราะสามารถทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

 

          ข้อเสียของการปูกระเบื้องแบบเปียก คือ กระเบื้องอาจเกิดการยุบตัว ไม่ได้ระดับ หรือหลุดร่อน เนื่องจากการผสมปูนที่ไม่ได้อัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น การผสมทรายมากเกินไป หรือผสมน้ำน้อยเกินไป ทำให้ปูนแห้ง และหดตัวไว ไม่เกาะกับผิวกระเบื้อง

 

2. วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา

 

 

          วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปา เริ่มจากการนำกระเบื้องไปแช่น้ำให้อิ่มตัว นำขึ้นมาแล้วใช้ปูนกาว หรือปูนทรายโปะไปที่หลังกระเบื้องคล้ายลูกซาลาเปา แล้วนำไปกดทับกับพื้น หรือผนัง ที่เป็นผิวปูนหยาบ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็วที่สุด แต่เป็นวิธีแบบเก่าที่ไม่เหมาะสม และพี่อิฐไม่แนะนำให้ทำนะครับ 

 

          เพราะการปูกระเบื้องแปะผนังแบบซาลาเปานั้น มีข้อเสียอยู่มากพอสมควร เช่น การสะสมของความชื้น เนื่องจากวิธีนี้จะทำให้ตัวปูนติดไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น จึงเกิดช่องว่างรอบ ๆ ขอบกระเบื้อง ส่งผลให้กระเบื้องเกิดความเสียหาย หลุดร่อนออกมาได้ทั้งแผ่น หรือทำให้น้ำซึมผ่านได้ และอาจทำให้เกิดการแตกร้าว จากแรงกดทับ เนื่องจากใต้พื้นผิวกระเบื้องไม่มีปูนรองรับ 

 

          ในกรณีที่ไม่ได้ปูกระเบื้องเอง คุณสามารถตรวจสอบว่าช่างใช้วิธีปูกระเบื้องแบบซาลาเปาหรือไม่ ได้โดยการเคาะทดสอบเสียง หากมีเสียงกลวง ๆ แสดงว่าบริเวณใต้กระเบื้องแผ่นนั้นไม่มีปูนยึดติดอยู่ ควรให้ช่างแก้ไขทันที เพราะภายหลังจากการปูกระเบื้อง 1 อาทิตย์ ปูนจะยังเซ็ตตัวได้ไม่แข็งมาก จึงพอที่จะรื้อ และทำการปูใหม่ได้

 

3. วิธีปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์ หรือปูนกาว

 

 

          วิธีการปูกระเบื้องด้วยปูนกาว เป็นวิธีที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในยุคนี้ เพราะปูนกาว เป็นปูนซีเมนต์ที่ผสมสารช่วยเพิ่มการยึดเกาะชนิดใดชนิดหนึ่งสำเร็จมาจากโรงงาน ในอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละชนิด มีค่าการยึดเกาะสูง จึงไม่ค่อยพบปัญหาการแตกร้าว หรือหลุดร่อนหลังการปูกระเบื้อง สามารถใช้ปูทับบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ เช่น ซีเมนต์ คอนกรีต พลาสติก PVC ไม้แท้ ไม้เทียม กระเบื้องเก่า โดยที่ยังคงคุณสมบัติการติดยึดที่หนาแน่นอยู่ ซึ่งเป็นวิธีปูกระเบื้องที่พี่อิฐจะมาแนะนำในวันนี้นั่นเองครับ

 

อุปกรณ์ที่ใช้ในการปูกระเบื้องผนัง

 

1. กระเบื้อง
2. ปูนกาว สำหรับปูกระเบื้อง
3. ถังใส่ปูน
4. เกรียงหวี
5. ลูกหมูตัดกระเบื้อง หรือมีดตัดกระเบื้อง ในกรณีที่ต้องตัดกระเบื้องส่วนเกิน
6. ตลับตีเส้น
7. ที่ปั่นปูน
8. กาวยาแนว

การเตรียมพื้นผิวผนังก่อนปูกระเบื้อง

          ควรฉาบพื้นที่ผนังให้เรียบตรง ได้ดิ่ง ได้ฉาก ไม่โน้มเอียง เว้าเข้า หรือนูนออก เสร็จแล้วต้องขีดผิวผนังให้เป็นรอย ทำผิวหน้าลายเพื่อการยึดเกาะของกระเบื้อง เมื่อปล่อยให้ปูนเซ็ตตัวเรียบร้อยแล้ว จึงทำความสะอาดผนังอีกครั้งก่อนทำการปูกระเบื้อง

 

ขั้นตอนการปูกระเบื้องผนังผนังด้วยปูนกาว

          1. ทำความสะอาดผนัง ด้วยการใช้น้ำสะอาดรดที่ผนัง หรือใช้ฟองน้ำชุบน้ำสะอาด เช็ดผนัง ขจัดฝุ่น และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออก

          2. ลองวางแผ่นกระเบื้องทาบลงบนผนัง เริ่มจากจุดที่ต้องการจะปู หรือจุดที่คุณถนัด แล้วใช้ดินสอวาดล้อมกรอบตามรูปทรงกระเบื้องดินเผา เลื่อนกระเบื้องมาด้านข้าง กะระยะห่างของกระเบื้องตามความต้องการ โดยต้องไม่ต่ำกว่า 3 มม. แล้วใช้ดินสอวาดล้อมรอบอีกครั้ง เป็นการกำหนดระยะของการยาแนว

 

          3. ตีเส้นสร้างแนวปูกระเบื้องผนังด้วยตลับตีเส้น เพื่อให้การปูกระเบื้องเป็นตรงตามแนวที่กำหนดไว้ 

          4. ผสมปูนกาว กับน้ำตามสัดส่วนข้างบรรจุภัณฑ์ ใช้สว่านติดใบพัดปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว พยายามคำนวณการใช้งานให้พอดีว่าจะสามารถใช้หมดภายในหนึ่งชั่วโมง หากนานกว่านั้นปูนกาวจะแห้ง และไม่ได้ประสิทธิภาพ

 

 

          5. ใช้เกรียงหวีปาดปูนลงบนผนัง และหลังแผ่นกระเบื้องให้เป็นเส้นตรง ไม่ปาดไปมา เพราะจะช่วยไล่อากาศออกจากกระเบื้องได้ง่ายขึ้น และควรเลือกแนวปาดที่ระยะสั้นที่สุด โดยให้มีเนื้อปูนอยู่บนแผ่นกระเบื้องประมาณ 5 มิลลิเมตร

 

 

          6. แปะกระเบื้องตามระยะที่กำหนดไว้ แล้วใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ ให้กระเบื้องติดแน่นสนิท

          7. จัดปรับแนวให้ตรงก่อนที่ปูนกาวจะแห้ง และทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน เพื่อให้ปูนกาวเซ็ตตัว และยึดเกาะกระเบื้องกับผนัง

 

 

          ข้อแนะนำ : อาจทาน้ำยาเคลือบผนังกันเชื้อรา และตะไคร่น้ำทับอีกครั้ง เพื่อปกป้องผนังจากสิ่งสกปรก และความชื้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผนังสวยขึ้นได้ เพราะน้ำยาเคลือบผนังนั้นมีหลายสูตร รวมถึงสูตรเงา เมื่อทาเคลือบแล้วก็จะได้ผนังอิฐโชว์แนว จากกระเบื้องแปะผนังที่เงาสวย

 

แพทเทิร์นในการปูกระเบื้องผนัง

          ควรปูกระเบื้องผนัง หรือกระเบื้องยาวเป็นลายตรง หรือลายปูอิฐแบบ 1:3 หรือ 1:4 ให้ตัวกระเบื้องเยื้องกันเล็กน้อย โดยหลีกเลี่ยงการปูกระเบื้องผนังด้วยลายปูอิฐแบบ 1:2 เพราะโดยธรรมชาติกระเบื้องแปะผนัง หรือกระเบื้องแผ่นยาวอาจจะมีความโค้งของกระเบื้องเล็กน้อย หากปูแบบ 1:2 จะทำให้เกิดโอกาสที่พื้นผิวจะไม่เรียบเสมอกันได้

 

 

การคำนวณหาพื้นที่การใช้กระเบื้องแปะผนัง

สูตร    

          = ( ความยาวของผนัง x ความสูงของผนัง ) – ( พื้นที่ประตู+หน้าต่าง+ช่องเปิดต่างๆ )

          = พื้นที่ที่ต้องใช้อิฐแดงก่อผนัง

 

ตัวอย่าง

ผนังยาว 6 ตารางเมตร และมีความสูง 3 ตารางเมตร

          = 6 x 3

          = 18 ตารางเมตร

มีพื้นที่ประตู 2 ตารางเมตร และพื้นที่หน้าต่าง 1.08 ตารางเมตร

พื้นที่ปูทั้งหมด = 18 – ( 2 + 1.08 )

พื้นที่ที่ต้องปูกระเบื้อง = 14.92 ตารางเมตร

 

          ซึ่งโดยปกติแล้วกระเบื้องดินเผาจะจำหน่ายเป็นกล่อง และแต่ละรุ่นจะมีจำนวนการใช้ต่อ 1 ตารางเมตรบอกไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ก็ง่ายแล้วครับ สามารถซื้อจำนวนกล่องตามจำนวนพื้นที่ได้เลย แต่ควรซื้อเกินไว้สัก 1 – 2 กล่องนะครับ เผื่อการเสียหาย แตกหัก และการซ่อมแซมเพิ่มเติมในภายหลัง แต่ถ้าหากที่ข้างกล่องไม่ได้บอกจำนวนการใช้ต่อตางรางเมตรไว้ คุณสามารถคำนวณจำนวนการใช้งานได้จากสูตรต่อไปนี้ครับ

 

 

 

สูตรการหาจำนวนการใช้งานใน 1 ตารางเมตร

นำความสูงของกระเบื้องดินเผา+ชักร่อง x ความยาว+ชักร่อง / 10,000 

 

ตัวอย่าง

กระเบื้องดินเผา ขนาด (กว้างxยาวxสูง) 1x6x16 ซม. ชักร่อง 2 มม.

          = 6.2×16.2

          = 100.44

          = 10,000 / 100.44

          = 99.56 

 

          จำนวนการใช้งานของกระเบื้องดินเผา ขนาด 1x6x16 ซม. ต่อ 1 ตารางเมตร จึงเท่ากับ 99.56 แผ่น ซึ่งเป็นจำนวนโดยประมาณ ที่สามารถปัดขึ้น ปัดลงได้ ตามการพิจารณา

 

 

วิธีการตรวจรับงานกระเบื้องจากช่าง

1. ตรวจเช็คความสวยงาม ดูแนวกระเบื้อง แนวร่องกระเบื้องต้องตรงกัน เป็นเส้นตรง ไม่บิดเบี้ยว หรือต้องตรงตามแพทเทิร์นที่วางไว้
2. ตรวจเช็คความเรียบ ได้โดยการใช้มือลูบ กระเบื้องทุกแผ่นจะต้องเรียงอยู่ในระดับที่เสมอกัน
3. ตรวจเช็คการยาแนวร่องกระเบื้อง ต้องใช้ปูนซีเมนต์ขาว หรือกาวยาแนว ยาแนวให้เรียบเนียน ไม่มีเศษสกปรก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยการใช้นิ้วลูบตามแนวร่อง
4. ตรวจเช็คโพรงใต้กระเบื้อง ที่จะเป็นเหตุทำให้เกิดการเสียหายในอนาคต ทำได้โดยการสุ่มเคาะกระเบื้องในหลาย ๆ จุด หากได้ยินเสียงกลวง ๆ ควรให้ช่างรีบแก้ไขทันที

 

ตัวอย่างกระเบื้องดินเผาแปะผนัง

 

          กระเบื้องดินเผา แปะผนัง ขนาด 7X23 ซม., กระเบื้องดินเผา แปะผนัง ขนาด 1x6X16 ซม., กระเบื้องดินเผาแปะผนัง ขนาด 5×20 ซม. และ กระเบื้องดินเผา แปะผนัง นำเข้า ขนาด 1x6x24 ซม.

 

ตัวอย่างหน้างานที่เลือกใช้กระเบื้องแปะผนัง

 

 

 

          เมื่อรู้ถึงวิธีต่าง ๆ ในการปูกระเบื้องแล้ว ก็ลุยได้เลยครับ แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง ก็ควรเลือกใช้ฝีมือของพี่ ๆ ช่างนะครับ และอย่าลืมตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเบื้องก่อนเซ็นรับงาน เพื่อผนังที่ดี สวย และมีคุณภาพ

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง : thairath.co.th
และ boonthavorn.com